ถ้าถามว่า “เน็ตเร็วแค่ไหนถึงจะพอ” หลายๆคนหลงคำโฆษณาทางการตลาดที่เน้นการพูดกันว่า เน็ตแรง เน็ตเ็ร็ว นั่นมันการดาวน์โหลดครับ ตอนนี้ใช้เน็ต 6 Mbps. 9 Mbps 10Mbps อวดกันเข้าไปกับความเร็วดาวน์โหลด แล้วการใช้งานจริงล่ะ ตอนนี้เราต้องพิจารณาการใช้งานของเรามากกว่าการดูที่ความเร็วดาวน์โหลด อย่างผมโพสรูปบน twitter, facebook, goolge+, photobucket เน้นการ Upload มากกว่าการ Download เสียอีก เน้นการอัพโหลดวีดีโอขึ้น Youtube ไฟล์ก็ระดับ 500MB ขึ้นไป ถ้าถามว่าเน็ตแค่ไหนจึงจะพอ ผมมองว่า อยู่ที่การใช้งานของเราครับ ถ้านั่งอ่านกระทู้ ไม่ค่อยตอบ ไม่ได้อัพรูป ไม่ได้เขียนบล็อก ผมว่าไม่ต้องเน็ตเร็วมากนักก็ได้ เผลอๆ EDGE ก็ใช้งานได้ ไม่ต้อง 3G เลยด้วยซ้ำ
การโฆษณา 3G ของผู้ให้บริการมือถือของไทย แข่งขันกันที่ความเร็ว หลายๆคนคาดหวังกับความเร็ว 4-5Mbps หรือเชื่อว่ามันจะไปถึง 21Mbps หรือ 42Mbps ตามคำโฆษณา เอาแ่ค่ 3G ปกติที่ความเร็ว 7Mbps ให้ถึงก่อนเถอะครับ ปกติเราใช้เน็ต 3G ในไทย ความเร็วระดับ 1-2Mbps ผมว่าโอเคแล้วนะ และหลายครั้งที่ผมใช้ในการ Personal HotSpot กระจายสัญญาณเน็ตจากมือถือเพื่อให้เชื่อมต่อกับโน้ตบุีก บางครั้ง ความเร็วไม่ต้องรวดเร็วมากอย่างที่อวดอ้างก็ได้ เชื่อไหมครับว่า ผมใช้เน็ตบนมือถือต่อคอม ตอนที่อพยพหนีน้ำท่วม เน็ตแค่ 2Mpbs, 1Mbps ผมก็เขียนบล็อกอยู่ที่หอพักได้สบาย เล่น Social Network ได้สะดวก ดูทีวีออนไลน์ยังได้เลย
ล่าสุด ผมใช้บริการ 3G+ ของ TruemoveH โปร XL iPhone 899 จนครบ 2GB แล้ว ถูกปรับความเร็วลงมาเป็น 384Kbps ถามว่า ช้าไหม ไม่นะครับ ผมยังดูคลิปรถระเบิดบน Path ได้สบายเลย (แ่ต่ต้องรอโหลดสักหน่อย) รวมไปถึงการเล่น Social Network และัรับส่งอีเมล์ได้สบาย กับเน็ต 384Kbps ขอให้คงอยู่แบบนี้ไปนานๆ จนกว่าจะถึงรอบบิลนะครับ แต่ครั้นความเร็วจะถูกลดลงเหลือ 128Kbps นี่ก็ไม่ไหวนะครับ ผู้ใช้จะต้องเลือกโปรโมชั่นให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราด้วย
สิ่งที่ผมจะบอกก็คือ ทำไมต้องถูกหลอกลวงด้วยข้อความชวนเชื่อโฆษณา และคุยเบ่งกันว่าเน็ตบ้านใครกี่ Mbps แต่เน็ต 384Kbps นั่นก็สามารถใช้งานได้ในแบบที่เราต้องการใช้งาน บางคนอาจจะโหลดบิต เล่นเกมออนไลน์ อาจจะไม่เหมาะกับเน็ตแบบนี้ แต่สำหรับผม การใช้เน็ต 384Kbps นั้นก็ทำให้ผมรู้ว่า เน็ตความเร็วแค่นี้ ผมก็ทำงานได้นะ
และำสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตบ้าน หลายๆคนมักจะได้ยินคำโฆษณา 9Mbps นั่นคือวัดกันที่การดาวน์โหลด ลองดูโปรโมชั่นของ True Online จะพบว่า จ่ายเดือนละ 899 บาท ใช้เน็ต (เฉพาะการ download) ได้ที่ความเร็ว 9Mbps ส่วนการ upload นั้นยังมีความเร็วที่ช้ามาก ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมในการใช้งานของคนเราเปลี่ยนไป ไม่ได้ใช้ดาวน์โหลด แต่เน้นการอัพโหลดเป็นหลัก เช่น อัพเดตคลิปวีดีโอ อัพเดตภาพผ่าน twitter facebook google+ ส่งอีเมล์แนบไฟล์ พวกนี้ล้วนแล้วแต่ใช้อินเทอร์เน็ตขา Upload ซะมากกว่า สุดท้ายต้องเลือกโปรสูงๆที่เหมาะกับการใช้งานของเรา ไม่ใช่เอาถูกๆแต่ค่าอัพโหลดไม่ถึง Mbps ทำงานทำการไม่ได้พอดี
ลองมาดูเน็ต 7Mbps ราคา 599 บาท แต่มีความเร็วในการอัพโหลดเพียง 512Mbps เท่านั้น แบบนี้จะอัพวีดีโอสักคลิป ยังลำบากเลย ที่ผมเคยเจอคือ เน็ตบ้านเราควรหารครึ่ง บ้านผมอยู่ท้ายซอย วัดความเร็วเน็ต 3Mbps ได้ความเร็วในการทดสอบเพียงครึ่งเดียว ส่วนการอัพโหลด 1Mbps วัดได้แค่ 512Kbps เอง นั่นคือปัญหาในการใช้งานที่ผมเปลี่ยนไปใช้ AIS Air Net 7Mbps / 7Mbps เพราะผมใช้การอัพโหลดเยอะกว่าดาวน์โหลดแล้ว
ส่วนการใข้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือนั้น ค่ายที่มี 3G โฆษณาความเร็วเท่านั้น เท่านี้ 21Mbps, 42Mbps แต่เอาเข้าจริงๆ คุณใช้งานอะไรบ้าง แล้วอุปกรณ์ที่ใช้งานรองรับหรือไม่ ไม่ใช่ว่าจะหลงกลโฆษณาที่ชวนเชื่อกับความเร็ว ที่เน้นการใช้ข้อความทางการตลาดด้วยความเร็วดาวน์โหลด ตอนนี้ทุกคนใช้การอัพโหลด เพราะพฤติกรรมในการใช้งานอินเตอร์เน็ตในปัจจุบันของคนทั่วไปนั่นคือ อัพเดตผ่าน Social Network อัพโหลดภาพ วีดีโอขึ้นบน Youtube แนบไฟล์ผ่านอีเมล์ เรียกว่าตอนนี้ไม่มีใครพะวงเรื่องดาวน์โหลดแล้ว ส่วนตัวผมอยากจะได้อัพโหลดเยอะๆ ดาวน์โหลดไม่ต้องมาก ก็พอแล้ว เอาแบบราคาพอรับได้
หลายๆคนคงจะรู้จักกับการวัดค่าความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Speedtest.or.th หลายๆคนวัดค่าเพื่อให้ทราบว่า แพ็คเกจบริการอินเทอร์เน็ตที่ตนจ่ายเงินไป ได้ความเร็วคุ้มค่าในการจ่ายเงินหรือไม่ เพื่อร้องเรียนความเป็นธรรมจากผู้ให้บริการ เอาจริงๆแล้ว ความเร็วที่คุณได้ คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ ผมอยากให้วิเคราะห์พฤติกรรมของตนเองก่อน อย่างผม ไม่โหลดบิต ไม่เล่นเกมออนไลน์ ไม่ฟังเพลงออนไลน์ ดู Youtube บ้าง แต่ไม่ได้บ่อย ดังนั้นหลักๆผมใช้แค่ เขียนบล็อก ใช้งาน Social Network รับส่งเมล์เท่านั้นเอง
ดังนั้น ไม่ต้องไปกังวลกับเน็ตแรง เน็ตเร็ว ตอบตัวเองให้ได้ว่ามีพฤติกรรมใช้งานแบบใด แล้วเลือกให้เหมาะสมกับพฤติกรรมของตนเอง จริงอยู่ การทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต (SpeedTest) ทำให้เรารู้ว่า เน็ตที่ปล่อยออกมาให้เราใช้ นั้นได้ความเร็วตามที่เราเสียเงินซื้อความเร็วในค่าบริการรายเดือนหรือไม่ เพื่อร้องเรียนกับผู้ให้บริการ แต่ในการใช้งานจริงแล้ว เอาเน็ตเท่าที่เราใช้งาน ไม่ต้องเว่อร์เป็นหลายสิบเม็ก เอาแค่พอใช้งานได้ก็พอแล้ว