หลังจากการเปิดตัว SAMSUNG GALAXY SIII กับ The next Galaxy บนจักรวาลแห่งใหม่ของ Samsung นั้นเผยอนาตของสมาร์ทโฟนอย่างไรบ้าง ไปติดตามกัน
คุณสมบัติต่างๆบน Samsung Galaxy SIII แม้ว่าบางฟีเจอร์ อาจจะไม่ได้ใช้งานจริงในการใช้งานทั่วไป แต่เทคโนโลยีล้ำยุค เราเห็นกันมาตั้งแต่ NEXUS ONE กับเทคโนโลยีการใช้ใบหน้าปลดล็อกโทรศัพท์มือถือ ที่น่าตื่นเต้นคือ อะไรที่เราเคยได้เห็นในภาพยนตร์แนวไซไฟ เป็นจริงขึ้นมาแล้ว
ปัจจุบัน สมาร์ทโฟน ไม่ได้พัฒนาแค่สเปค ซีพียู แต่ผมชอบที่ Nexus One ออกแบบได้ดีในแง่ของสรีระศาสตร์ การยกหูโทร การออกแบบด้วยแนวคิดที่คำนึงถึงหลักการใช้งานจริง ใช่แล้ว ยุคนี้ไม่ควรจะเป็นการแข่งขันกับอัดสเปคแรงๆ แต่ควรจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งาน แต่ถามว่า เอาเข้าจริง ผู้ใช้จะได้ประโยชน์จากตรงนั้นไหม
การเปิดตัว Samsung Galaxy SIII บอกอะไรเราบ้าง
อย่างแรกคือเทคโนโลยี ที่ออกมาตอบสนองการใช้งานจริง เชื่อว่าหลายๆคนคงเจอเหตุการณ์ที่ว่า อ่านข้อความอีเมล์ เอกสารบนมือถือ แล้วไม่ได้แตะหน้าจอในช่วงเวลาหนึ่ง ไฟหน้าจอจะหรี่ลง ซึ่งเราจะต้องคอยเอานิ้วสัมผัสหน้าจอให้ active ตลอดเวลา แต่คุณสมบัติ Smart Stay นั้น ไม่ใช่แค่เซ็นเซอร์ตรวจจับแสงสว่าง ไม่ใช่การหรี่ไฟในช่วงเวลาที่กำหนด แต่เป็นการตรวจจับว่าเรากำลังใช้สายตามองหน้าจออยู่หรือเปล่า กรณีนี้ผมไม่ได้ลองว่า ถ้าเราใส่แว่นสายตา หรือแว่นตาดำ ระบบเซ็นเซอร์จะทำงานอย่างไร แต่เชื่อว่าฟังก์ชั่นนี้โดนใจหลายๆคน เพราะปกติต้องคอยใช้นิ้วแตะหน้าจอไม่ให้หรี่ลง เพราะเราใช้สมาธิอ่านข้อความบนจอซึ่งอาจใช้เวลานานจนไฟหรี่ลงอัตโนมัติตามที่ระบบกำหนด
อย่างที่สอง Direct Call อาจจะไม่ได้มีประโยชน์มากนัก เวลาเราส่งข้อความหาคนนี้อยู่ แล้วเห็นข้อความ อยากจะโทรคุยให้เข้าใจมากขึ้น ปกติต้องเข้า Phone Book หรือมองหาคำสั่ง Call แต่ Direct Call ยกหูก็จะโทรหาคนๆนั้นที่เรากำลังส่งข้อความให้ได้เลย
Smart Alert นั้นทำให้เราเห็นว่า สมาร์ทโฟนมีการนำเอาระบบเซ็นเซอร์มาใช้มากขึ้น และรู้ว่าระยะห่างของเรากับมือถืออยู่ใกล้ไกลกันแค่ไหน ควรจะสั่นเตื่อนหรือเปิดเสียงดัง
ในส่วนของ Social Tag นั้น ไม่ใช่แค่การแท็กคนในภาพ แต่มีการเชื่อมโยงเพื่อแสดงสถานะ Social Network ของคนๆนั้นและมีปุ่มโทร ส่ง Message บางครั้งเราอาจจะตรวจสอบสถานะได้ว่า คนๆนั้นสะดวกจะรับโทรศัพท์เราหรือไม่ เช่น สถานะ ขับรถอยู่ ก็ไม่ควรจะโทรไป หรือติดประชุมก็จะทราบว่าควรติดต่อในช่องทางใด
S Voice น่าจะคล้ายๆกับ Siri ต่อไปโทรศัพท์มือถือจะเป็นผู้ช่วย การสั่งงานด้วยเสียงจะไม่ใช่แค่การโทรออก และสามารถรับคำสั่งจากเราได้ แต่อันนี้ก็ถูกจริตเฉพาะบางคนเท่านั้นแหล่ะ
แชร์ง่ายขึ้นบนทุกอุปกรณ์
การแชร์นั้นไม่ได้เป็นเพียงการแชร์ผ่าน Bluetooth เพราะตอนนี้อย่าง Wi-Fi Direct ก็สำคัญ ทำให้เราโอนถ่ายข้อมูลกันง่ายขึ้่น อย่างการเอาภาพลงคอม โดยไม่ต้องเสียบสาย USB เลย ส่วน S Beam นั้นอาศัยคุณสมบัติของ NFC เข้ามาช่วยในการโอนถ่ายภาพ เพลง ระหว่างผู้ใช้ Samsung Galaxy SIII ด้วยกันเอง
ส่วนกรณีล่าสุดของ ส.ส.ไทยกับ AllShare Cast แสดงผลผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ได้ง่ายขึ้น ภาพหลุดง่ายขึ้น ส่วน AllShare Play ก็แชร์ได้สะดวกขึ้น การพัฒนาการแชร์มือถือกับอุปกรณ์ต่างๆนั้นทำได้สะดวกมากขึ้นกับ Smart TV โดยไม่ต้องตั้งค่าให้ยุ่งยาก อำนวยความสะดวกให้เราได้ใช้งานคล่องขึ้น
ส่วน Buddy Photo Share ไม่ใช่แค่แท็กชื่อเพื่อนบนภาพ แต่ส่งภาพให้เพื่อนได้ด้วย
Pop up play น่าสนใจ ดูวีดีโอได้ขณะที่แช็ต
แต่คุณสมบัติพวกนี้น่าห่วงตรงแบตเตอรี่ ถึงจะให้มา 2100mAh ก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ได้ถึงวันหรือเปล่า ต้องรอดูเครี่องจริงกัน
จากคุณสมบัติข้างต้น คาดเดาอนาคตของสมาร์ทโฟนว่า ไม่ใช่ว่าใช้แค่ Android แล้วจะทำทุกอย่างได้ ฟีเจอร์ต่างๆของผู้ผลิตก็มีประโยชน์สำหรับบางคนเหมือนกัน จริงๆแล้วเราสามาถนำหลายๆเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้สำหรับผู้ใช้หลายกลุ่ม แต่ไมใช่ว่าทุกคนจะได้ใช้คุณสมบัติที่ผู้ผลิตนำเสนอ แต่เราจะต้องเลือกสมาร์ทโฟนที่ออกแบบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเราได้มากที่สุดและตรงกับพฤติกรรมในการใช้งานของเราได้ดีที่สุด