พาไปชมความหลากหลายของวิสกี้จาก Glenfiddich
ได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Glenfiddich Exclusive Media Tasting ในฐานะ Blogger เพื่อทำความรู้จักกับวิสกี้จาก Glenfiddich ให้มากขึ้น ก่อนอื่นไปรู้จักกับ William Grant & Sons ก่อน เพราะจริงๆแล้ว Glenfiddich เป็นหนึ่งในแบรนด์คุณภาพในธุรกิจครอบครัวของ William Grant & Sons ซึ่งทำ Scotch Whisky ในรูปแบบครอบครัว ตกทอดจากรุ่น สู่รุ่น โดยแบรนด์ที่เป็นผลิตภัณฑ์ของ William Grant & Sons มีทั้งหมด 6 แบรน์ด้วยกัน
ในงานนี้เราได้เข้าใจกันถึงโรงกลั่นวิสกี้กันเลยทีเดียว ไม่ใช่ชิมแล้วก็กลับ แต่รู้ถึงโคตรเหง้าของตระกูลนี้ที่พิถีพิถันในการหมักวิสกี้คุณภาพซิงเกิ้ลมอลต์ ด้วยเอกลักษณ์ของรสชาตที่หลากหลาย สำหรับชื่อ Glenfiddich นั้นเป็นคำเรียกขานในสก๊อตแลนด์ว่า Valley of the Deer หรือ หุบเขาแห่งกลาง เป็นโรงกลั่นแห่งแรกในโลกที่ผลิตซิงเกิ้ลมอลต์ ซึ่งได้รับความนิยมในประเทศไทยด้วย จุดเด่นของ Glenfiddich ในการเป็นซิงเกิ้ลมอลต์คือเป็นโรงกลั่นโรงเดียวแห่งเดียว มาจากข้าวบาร์เลย์ 100 เปอร์เซ็นต์
งานนี้ได้พูดคุยกับผู้บริหารหนุ่ม จริงๆยังเด็กๆด้วยซ้ำ มร.มาร์คัส โลว์ เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริการ ประจำภูมิภาคของ William Grant & Sons บอกว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ของ Glenfiddich มาพร้อมความโดดเด่นของรสชาด ซึ่งมีความแตกต่างกัน ซึ่งในงานนี้ได้มีส่วนประกอบต่างๆให้เราได้ดูกันด้วย
Glenfiddich 12 ปี กรุ่นความหอมของลูกแพรสดและโอ๊ค
Glenfiddich 15 ปี หอมน้ำผึ้ง และลูกเกด (เรซิ่น)
Glenfiddich 18 ปี กลิ่นแอปเปิ้ลอบและชินนามอน
จริงๆการผลิตของเขาเนี่ย ตั้งแต่การหมัก เขาพิถีพิถันมากๆ ตั้งแต่หม้อกลั่นทองแดง 78% และควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน แม้ว่าในสก๊อตแลนด์จะมีบางข้อกำหนดที่บังคับ และมีผลต่อการกลั่น โรงกลั่นนี้ก็เคร่งครัดกับการรักษาคุณภาพไว้ให้ดีที่สุดได้ และน้ำที่ใช้หมักก็ต้องเป็นน้ำบริสุทธิ์จริงๆ มีการคงสถานะ รักษาสภาพของส่วนประกอบต่างๆในการหมัก รวมไปถึงคุณภาพของข้าวบาร์เล่ย์ การหมักแอลกอฮอลล์ การเผาไม้โอ๊ค การกลบกลิ่นไหม้ของไม้ การเลือกชนิดของไม้โอ๊ค ที่ทำถังไม้โอ๊คที่ใช้หมัก และในกระบวนการหมัก ก็ไม่มีการปรุงแต่งใดๆให้เสียรสหรือรสชาดเพี้ยนไป
นอกจากนี้ ในงานยังได้รับเกียรติจาก มร.สตรวน แกรนท์ ราล์ฟ แอมบาสซาเดอร์ของ William Grant & Sons ที่เชี่ยวชาญมากๆ มาให้คำแนะนำ เขาเป็นมอลต์ มาสเตอร์ที่ตรวจสอบการบ่ม การรักษาคุณภาพและจำแนกความผิดปกติที่อาจะเกิดขึ้นในกระบวนการกลั่นและหมัก
ในงานยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญมาบอกเล่าและบรรยายไปพร้อมๆกับการสาธิต เพื่อให้สื่อมวลชนได้เข้าใจถึงกระบวนการผลิตมากขึ้น
ช่วงที่ผมชอบก็คือตอนที่ได้ลองสูดกลิ่นวิสกี้แบบเต็มๆ โดยการฝ่าวางมือทาบกับแก้ววิสกี้ แล้วเขย่าให้วิสกี้เลอะมือ แล้วเอาฝ่ามือสองข้างถูกัน จนหมดกลิ่นแอลกอฮอลล์ ตอนนั้นเราจะได้สูดกลิ่นผลไม้หอมติดมือแบบเต็มๆ
ที่เล่ามาทั้งหมดทำให้เราเข้าใจวิสกี้มากขึ้น เพื่อให้วิสกี้เข้าใจเรากับ Glenfiddich ที่ตอบโจทย์คนไทยด้วย Glenfiddich 12, 15 และ 18 ปี
ในความคิดผม ตอนแรกก่อนเข้างานได้ลอง Glenfiddich 18 ปี รู้สึกว่ารสเข้มดีนะ แต่พอได้ลอง 12 ปี 15 ปี แต่ละตัวมันต่างกันเลยแฮะ ผมคิดว่าในแต่ละโอกาส เราคงจะอยากจะได้สูดกลิ่นผลไม้ในแบบต่างๆและจำนวนปีในการหมักที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Glenfiddich เลยทีเดียว