ก่อนหน้านี้ เราได้เคยทำความรู้จักกับ Samsung Galaxy Core (ผมเคยเขียนรีวิวไว้ใน Thaiware.com) ในฐานะสมาร์ทโฟน 2 ซิม แบบ Always On ใช้งาน 3G พร้อมการทำงานของตัวเครื่องที่ไหลลื่น จัดการซิมการ์ดได้ยืดหยุ่น ซิมนึงโทร ซิมนึงใช้เน็ต เลือกกำหนดซิมการ์ดหลักได้ง่าย ถือว่าเป็น Android SmartPhone 2 SIM ที่น่าใช้มากๆ
เมื่อเวลาผ่านไป มือถือราคาถูกลง สมาร์ทโฟน 2 SIM มีสเปคที่สูงขึ้น หากเทียบกับ Galaxy Core ตัวแรก ที่มาพร้อม Dual Core Cortex A5 1.2GHz ลื่นตามสมัยนิยมในสมัยนั้น
ความเจ๋งของ Samsung ในตระกูล Galaxy Core คือก่อนหน้านี้ มือถือ Android 2 ซิม ล้วนแต่มีสเปคค่อนข้างต่ำ ซึ่งผู้ใช้อาจมองว่าใช้งานช้า เน้นคนใช้ 2 ซิม โทรเยอะ เล่นเน็ตบ้าง แต่สำหรับ Samsung Galaxy Core เป็นมาตรฐานใหม่ของสมาร์ทโฟน Android 2 ซิม ที่ใช้ได้ทั้งโทร ทั้งเน็ต โทรคุย แล้วหาข้อมูลในเน็ตไปพร้อมๆกันได้
สำหรับ Samsung Galaxy Core 2 Duos รอบนี้กับรุ่นที่ 2 ของความลื่นในตระกูล Galaxy Core ที่มาพร้อม Quad-Core 1.2GHz กับสโลแกน “ลื่นกว่าเดิม” และมาพร้อม Android KitKat กล้องหลัง 5MP พร้อมไฟ LED กล้องหน้า vGA ส่วนราคา ขอกระซิบตั้งแต่เริ่มบทความก็คือ 6,590 บาท
ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจของ Samsung Galaxy Core 2 Duos นอกจากการเป็น Android 2 SIM ก็คือเรื่องของ CPU Quad-Core กับราคาไม่ถึง 7 พันบาท
แต่ต้องบอกก่อนว่า ความวุ่นวายของมือถือ 2 SIM ในไทยก็คือ การขายแยก 2 รุ่น รุ่นที่รองรับ 3G 900/2100MHz (AIS 900MHz/AIS 3G, dtac TriNet, TrueMoveH 2100MHz) และรุ่นที่รองรับคลื่น 850MHz (dtac, TrueMoveH) และ 2100MHz (AIS 3G, dtac TriNet, TrueMoveH 2100MHz) งงไหมครับ ถ้างง พูดง่ายๆคือ ถ้าใช้ AIS / AIS 3G ใช้รุ่น 900MHz แต่ถ้าใช้ dtac / True ใช้รุ่น 850MHz แต่มันจะมีปัญหาตอนที่ใช้ซิม AIS คู่กับ True / Dtac เนี่ยแหล่ะที่หากตัวเครื่องไม่รองรับ 850/2100MHz ก็จะใช้งานไม่เต็มประสิทธิภาพ
อันนี้ขอแนะนำให้ปรึกษาพนักงานของ Samsung Brand Shop และช้อปของผู้ให้บริการที่เราใช้งาน ถ้าเราใช้ 2 ซิม จะใช้ซิมไหนโทร ซิมไหนเล่นเน็ต ก็ลองพิจารณาดู แต่ทางที่น่าจะดีที่สุดก็คือ ซื้อเครื่องจากช้อปของโอเปอเรเตอร์เลย เช่น ใช้เน็ตทรูก็ซื้อที่ทรูช้อป (เป็นรุ่น 850/2100MHz) ใช้ AIS ก็ซื้อที่ AIS Shop, TWZ (เป็นรุ่น 900/2100MHz) เป็นต้น
การใช้มือถือ 2 ซิมบน Samsung Galaxy Core 2 Duos สามารถจัดการซิมการ์ดได้ง่ายมาก จะใช้ซิมไหนต่อเน็ต ซิมไหนโทร เลือกกำหนดได้จากหน้าจอ อยากปิดเน็ตทั้งสองซิมก็ตั้งค่าได้ โดยไม่ต้องถอดซิมการ์ดให้วุ่นวายเลย โดยซิมการ์ดที่ 1 ใส่ไว้ในเครื่อง เวลาจะถอดซิม ต้องถอดแบต (มันก็คือปิดเครื่องกลายๆ) ส่วนซิมที่ 2 จะใส่ด้านข้าง สะดวกหน่อย แกะฝาแล้วถอดซิมได้เลย ไม่ต้องถอดแบต (แต่ยังไงก็แนะนำให้ปิดเครื่องก่อนถอดซิมอยู่ดี)
จุดเด่นของ Samsung Galaxy Core 2 Duos
– ชิปประมวลผล Quad-core 1.2GHz
– หน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว TFT-LCD
– ความละเอียดจอ WVGA 480×800 พิกเซล
– แรมขนาด 768 MB
– หน่วยความจำในตัวเครื่อง 4GB เพิ่ม microSD ได้สูงสุดถึง 64GB
– Android Kitkat 4.4.2
การใช้งานจริงโอเคไหม?
หน้าจอขนาดนี้ สเปคขนาดนี้ เรียกได้ว่าใช้งานเหลือๆกับการใช้งาน 2 ซิม โทร เน็ต ดู Youtube LINE เล่นเกมเศรษฐี ใช้งานอินเทอร์เน็ต พกเครื่องเดียวสบายๆ แถม Android KitKat ก็ไหลลื่น รองรับแอพใหม่ๆ เกมใหม่ๆ ใช้งานได้คล่องตัว ผมใช้ซิม 1 โทรอยางเดียว (Dtac) และซิมที่ 2 เล่นเน็ต (True)
การจัดการซิมการ์ดบน Samsung Galaxy Core 2 Duos
ในการใช้งานครั้งแรก ให้เรากำหนดตั้งแต่ตอนใส่ซิม ว่าซิมไหนเป็นซิมหลัก ซิมโทร น่าจะใส่ซิมที่ 1 ส่วนซิมที่ 2 เล่นเน็ต ซิมไหนถอดบ่อยก็เอาไว้เป็นซิมที่ 2 จากนั้นก็กำหนดค่าของซิมการ์ด ว่าตอนจะโทรจะใช้ซิมไหน หรือให้ถามทุกครั้ง เช่น คนไหนมี Business SIM ซิมบริษัทจ่ายให้ ก็จะได้เลือกว่าเรื่องงานใช้ซิมบริษัท เรื่องส่วนตัวใช้ซิมส่วนตัว เป็นต้น
ถ้าอยากปิดเน็ตทั้ง 2 ซิมก็ทำได้ กำหนดชื่อซิม ไม่ให้เรางงเวลาโทร ใช้เน็ต รับสายได้ขณะอีกซิมเล่นเน็ตก็ทำได้ (ปกติถ้าเราใช้เน็ต บางทีการใช้ทีละซิม ทำให้อีกซิมใช้งานไม่ได้ แต่อาจจะเล่นเน็ตช้าลงสักหน่อย)
การเปิดใช้ซิมคู่ ทำให้เราสามารถรับสายได้ขณะอีกซิมเล่นเน็ต ทำให้เราหาข้อมูลผ่านเน็ตไปพร้อมๆกับการโทรคุยได้
นอกจากนี้มีลูกเล่นให้เราเลือกไอคอน ทำให้เราแยกซิมได้ง่าย และกำหนดการโทร ใช้เน็ตได้ยืดหยุ่นมาก
กำหนดการใช้งานดาต้าบนมือถือ โรมมิ่ง โหมดเครือข่าย ถ้าเป็นซิมโทร เลือกเป็น GSM Only ได้ แต่ควรแจ้งผู้ให้บริการขอปิดเน็ต ถ้าจะใช้ซิมโทรอย่างเดียว ไม่ใช้เน็ต ข้อดีของการใช้ซิมโทรกับซิมเน็ตแยกกันคือเราเปิดแพ็คเกจ iPad ได้ ซึ่งจะใช้เน็ตได้คุ้มกว่า เช่นจ่าย 899 ใช้เน็ตได้ 5GB (แต่ไม่มีนาทีให้โทรรวมในแพ็คเกจ จะโทรก็ทำได้แต่จ่ายเพิ่มนอกแพ็คเกจ) ในขณะที่แพ็คเกจโทร + เน็ต จะใช้เน็ตได้ 3GB แต่จะมีค่าโทรรวมในนั้นแล้ว
ส่วนการโทร ผมชอบตรงที่ กดโทรออกแล้วหน้าจอล็อกเลย ต้องแตะ 2 ครั้งเพื่อปลดล็อก อันนี้จะทำให้เราเอามือถือแนบหูแล้วไม่พลาดไปกดโดนปุ่มตัวเลข แต่ถ้าโทรหา Cal l Center ต่างๆ ต้องกดตัวเลข ก็ต้องเสียเวลามาปลดล็อกอีกที แต่คงไม่บ่อยหรอกเนอะ
การใช้งาน Samsung Galaxy Core 2
การใช้งาน Samsung Galaxy Core 2 บน Android KitKat และด้วยความเป็นมือถือรุ่นใหม่ ทำให้ไม่มีปุ่ม Properties แล้ว จะมีปุ่ม Task Manager / App Management แทน แล้วก็ปุ่ม back ก็มีตามปกติ
ซึ่งตรงนี้เราสามารถจัดการแอพ เลือกแอพที่ใช้งานล่าสุด เพื่อเข้าใช้งานได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ใช้งาน อยากปิดแอพทั้งหมดก็กดปุ่มขวามือล่างตามภาพได้เลย (ที่มีเครื่องหมายกากบาท) ส่วนปุ่มขวาล่าง เป็น App Management ที่จัดการหน่วยความจำ
ด้าน UI ในการใช้งาน ก็สามารถปรับเปลี่ยนไอคอนหน้าจอได้ตามต้องการ รวมไปถึงบริการของ Google ที่รวมไว้ให้เราใช้งานได้สะดวก
การถ่ายภาพ Selfie ด้วยกล้องหน้า เลือกถ่ายแบบ Auto ทั้งแบบอัตโนมัติ และแบบ เสียงและช็อต เช่น ตอนเราแสดงความดีใจ ส่งเสียงเฮ ก็จะได้อารมณ์กว่าภาพนิ่ง
ตัว Note ที่มาพร้อมเครื่อง ทำให้เราสะดวกในการจดบันทึกต่างๆ
ส่วนการใช้งาน ทั้งคุยโทรศัพท์ ใช้เน็ต Facebook LINE Email พบว่าใช้งานได้ทั้งวัน ผมใช้งานในช่วงเย็น ข้ามมาเช้าอีกวันได้สบายๆ แนะนำให้ปิดแอพที่ไม่ได้ใช้งาน และสลับการใช้งานซิมให้เหมาะสม ผมไม่อยากให้มองที่ตัวเลข 2,000mAh กับมือถือ 2 ซิม จนกว่าจะได้ใช้งานด้วยตนเอง
ตัวอย่างภาพถ่าย
ภาพนี้ซูมจากที่นั่งดูการแสดง Esplanade สิงคโปร์
ลอง Selfie บ้างดีกว่า
ถ่ายตอนแสงน้อย
ถือว่า Samsung Galaxy Core 2 ตอบโจทย์คนอยากได้มือถือ Android 2 ซิม ที่มีกล้องชัด ซีพียู Quad-Core ทำงานได้ไว ใช้งานได้ทั้งโทรทั้งเน็ต ในราคาไม่ถึง 7 พันบาท คุ้มค่าสุดๆครับ แบตเตอรี่ก็ใช้งานได้นาน คุยก็ชัด เดี๋ยวต้องคืนเครื่องเขาแล้ว ขอบคุณ Thai Samsung Electronics ครับที่ให้ยืมเครื่องทดสอบ ชอบมากมาย ถ้ามือถือ 2 ซิม ผมแนะนำ Samsung Galaxy Core 2 พิสูจน์เลย ลื่นกว่าเดิม