เล่าประสบการณ์ใช้งาน INHON Ultrabooks CarbonBook 11.6 นิ้ว ที่สุดของความบาง เบา และถึกทน

เชื่อว่าตอนนี้หลายๆคน น่าจะคิดแบบเดียวกับผม คือออกไปข้างนอก ไปเที่ยว อยากพก Ultrabooks เบาๆ ไปทำงานนอกสถานที่ ตามร้านกาแฟ ไปคุยกับลูกค้า เพราะตอนนี้ในกระเป๋า เราไม่ได้พกแค่กระเป๋าโน้ตบุ๊กน่ะสิ เราพก Power Bank พกสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หลายชิ้นเลย แถมแบกกล้องด้วย ดังนั้นการเลือก Ultrabooks เรื่องน้ำหนัก และความทนทานจึงสำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ต้องพิจารณาตามหลังเรื่องแบตอึด ใช้งานได้นานโดยไม่ต้องเสียบไฟชาร์จ ที่เป็นหัวใจหลักที่เราต้องการใช้ทำงานออกสถานที่อยู่แล้ว

ปีที่ผ่านมา ผมเดินทางไปท่องเที่ยวหลายประเทศ ทั้งเดินทางกับภรรยา และพาลูกไปด้วย แต่ด้วยความที่เราทำงานด้านออนไลน์ ดูแล social media ทำให้ทุกครั้งเราพกโน้ตบุ๊กไปทำงานด้วย (ทั้งทำงาน เขียน blog และเก็บบันทึกเรื่องราวต่างๆตอนไปเที่ยว) ซึ่งการพกโน้ตบุ๊กอย่าง MacBook Air 13 นิ้ว ก็ยังถือว่าหนัก เคยคุยกับภรรยาว่า ทริปต่อๆไป อยากจะหา MacBook Air 11 นิ้ว ที่มีน้ำหนักเบากว่า เอาไว้พกพาไปที่ต่างๆได้สะดวกและคล่องตัวกว่า ปกติเอาขึ้นเครื่องได้ 7 กิโลกรัม ถ้าได้โน้ตบุ๊กเบาๆก็จะดีมาก เพราะอย่าลืมว่าเรามีขวดนมลูก ผ้าอ้อม ทิชชู่เปียก อุปกรณ์เลี้ยงลูกมากมายเอาขึ้นเครื่องด้วย การจัดการเรื่องน้ำหนักสำคัญมากสำหรับผม

ตัวเลือกนอกจาก MacBook Air 11 นิ้ว ก็คือบรรดา Ultrabooks ทั้งหลาย ที่ผมตั้งเกณฑ์กำหนดว่า มองหา Ultrabooks ขนาด 11 นิ้ว น้ำหนักเบา พกพาสะดวก แล้วก็มีโอกาสได้ทดสอบ INHON Ultrabooks รุ่น Carbonbook 11.6 นิ้ว ที่มีจุดเด่นคือ น้ำหนักเบา ด้วยวัสดุ carbon fiber ที่มีความทนทาน และทำให้น้ำหนักเบากว่าอลูมิเนียม เทียบดูกับ Ultrabooks 11 นิ้ว น้ำหนัก Carbonbook เบากว่า MacBook Air 11 นิ้วอยู่นิดนึง แต่ยังไงน้ำหนักต่างกันนิดนึงก็ทำให้เราพกอย่างอื่นเพิ่มได้แหล่ะน่า เราเดินทางหลายที่ ทำให้เราเข้าใจเรื่องการจัดกระเป๋า เพื่อขนของขึ้นเครื่องบิน ดังนั้นน้ำหนักโน้ตบุ๊ก มีผลมาก

ผมลองกดเปรียบเทียบจากเว็บไซต์ NotebookSpec ลองเทียบกันระหว่าง Ultrabooks 3 รุ่น จอ 11.6 นิ้วเท่ากัน สเปคพอๆกัน SSD 128GB เท่ากัน พบว่าราคา INHON Ultrabooks Carbonbook ที่ลดลงมาคุ้มกว่า (ราคาปกติขายอยู่ที่ 31,900 บาท ราคาพิเศษ 24,900 บาท) แถมยังชนะด้วยดีไซน์และวัสดุ แถมน้ำหนักเบาที่สุด (970 กรัม รวมแบตเตอรี่แล้ว)

สำหรับแบรนด์ INHON ผมลองค้นข้อมูล น่าสนใจมาก โดย Inhon นั้นไม่ได้ผลิตแค่โน้ตบุ๊ก แต่ผลิตสมาร์ทโฟน และจักรยาน GUSTO ที่เป็น carbon fiber ด้วย แน่นอนว่าจักรยาน ต้องมีน้ำหนักเบา โน้ตบุ๊กก็เช่นกัน คาร์บอน ไฟเบอร์ ทำให้เราพกสะดวก

(บน) เอาภาพมาจากเว็บให้เห็นลวดลายชัดๆ

แบรนด์ INHON เป็นของไต้หวัน (ไทเป) เขาคิดค้นเรื่องวัสดุ คาร์บอน ไฟเบอร์ เฟรม ซึ่ง INHON มาเล่นตลาดสมาร์ทโฟนและโน้ตบุ๊กในปี 2013 การันตีด้วยรางวัล COMPUTEX TAIPEI Design & Innovation Awards 2012, Golden Pin Design Award 2012 และ German Red Dot Design Award 2013 (ออกแบบและผลิตในไต้หวัน)

สเปค

จุดเด่นของ INHON Ultrabook

– วัสดุเป็น คาร์บอน-ไฟเบอร์ ชื่อรุ่นก็เลยเป็น CarbonBook มาพร้อมความแข็งแรง ทนทาน ด้วยวัสดุคาร์บอน ไฟเบอร์ ที่มีน้ำหนักเบา ยิ่งเป็นสีดำยิ่งทำให้มีความดุดัน สวยงาม
– ขนาดหน้าจอ 11.6 นิ้ว ความละเอียด 1366 x 768
– เบาสุดๆ ไม่ถึง 1 กิโล (รวมแบตเตอรี่แล้ว)

สเปคเป็นไง?

– CPU Intel Core i5 – 3337U พร้อม RAM 4GB (DDR3 1600)
– มาพร้อม Windows 8 64-bit ของแท้
– มีสายต่อแปลง Mini Display Port เป็น HDMI มาให้พร้อม แต่ผมไม่ได้ลองต่อจอนะ คือใช้งานปกติก็ยอดเยี่ยมแล้ว จอไม่ได้เล็กจนมองลำบาก แต่ถ้าใช้นำเสนองานก็ต่อโลด
– มีซองหนังใส่โน้ตบุ๊กมาพร้อมในกล่อง อันนี้ชอบมากเพราะใส่ซองแล้วใส่เป้อีกที ถนอมโน้ตบุ๊กไม่ต้องกลัวเป็นรอย
– ราคาพิเศษ 24,900 บาท จากปกติ 31,900 บาท
– รับประกัน 1 ปี

ใช้งานแล้วรู้สึกยังไง

– อันดับแรก เรื่องน้ำหนัก สอบผ่าน เบาดี เพียง 1.6 เซนติเมตร และน้ำหนัก 0.97 กิโลกรัม พกสะดวกมาก อันนี้คุยกับภรรยาว่า รุ่นนี้น่าสนใจ จากตอนแรกที่มองแต่ MacBook Air 11 นิ้ว น่าสนใจแฮะ

– คีย์บอร์ด ไม่มีสกรีนภาษาไทย แต่ในกล่องที่ขายมีสติ้กเกอร์ภาษาไทยมาให้ แต่ไม่แน่ใจว่า แปะมาให้เลย หรือให้แปะเอง (คงงมแป้นกันนานเลย) แต่ผมพิมพ์สัมผัส แป้นมีหรือไม่มีไทยจึงไม่มีประเด็น เมื่อก่อนทำงานบริษัทขายคีย์บอร์ด ตัวเดโมก็ไม่มีภาษาไทย ก็ยังพิมพ์ถนัดมือ แต่กับ INHON ผมต้องใช้ความคุ้นเคยกับแป้นพิมพ์สักระยะ คือแป้นกดเด้งดี พิมพ์สะดวก สบายมือ แต่ต้องอาศัยความคุ้นเคยและเคยชิน
– ผมใช้เขียนบล็อกนี้ด้วยเครื่องนี้แหล่ะ เล่นเน็ต เข้าเว็บ แช็ท LINE on PC ได้สะดวก ระบบบอกว่า แบตอยู่ได้ 4 ชั่วโมงกว่าๆ แต่ด้วยการตั้งค่าหน้าจอสว่างสูงสุดให้ผมทำงานสะดวก ทำให้การใช้งานจริงผมใช้งานได้ประมาณ 3 ชั่วโมง

ใช้งานจริงที่ออฟฟิศ ทำงานจริง ไม่ใช่แค่ทดสอบ สภาพแวดล้อมตามจริงทุกอย่าง

ผมใช้ที่ออฟฟิศทำงานจริงเลย เริ่มใช้งาน ชาร์จแบตเต็ม ถอดสายชาร์จ 13.57น. (ขอแปลงเวลาเป็น 24hrs จะได้เข้าใจง่าย) จะเห็นว่าหน้าจอระบุ ใช้งานได้เกือบ 5 ชั่วโมง ผมใช้ต่อเน็ตผ่าน Wi-Fi เปิดเบราเซอร์ งานของผมคือดูแล Social Media เช็กอีเมล์ แช็ต LINE for PC ตอนไปเข้าห้องน้ำ หรือไปคุยงาน ก็พับฝาไว้ เป็นไปตามพฤติกรรมปกติในการใช้โน้ตบุ๊กของผม

เวลา 16.59 แบตเตือนเหลือ 9%

แบตขึ้นกากบาทสีแดง เหลือ 7% ตอน 17.01น. ผมก็เริ่มเซฟงาน เสียบที่ชาร์จไฟ เทียบเวลาก็ใช้งานบ่าย 2 ยัน 5 โมงเย็น ใช้จริงๆก็ประมาณ 3 ชั่วโมง เพราะผมตั้งหน้าจอสว่างสุดด้วยแหล่ะ ปิดเสียงลำโพงไว้ อันนี้ใช้งานจริง ไม่ได้เลือก Power Saver ด้วย แต่ถ้าไปใช้งานนอกสถานที่ อาจแตกต่างกัน

หมายเหตุ : ปกติเวลาใช้ Windows 8.1 จะมีหน้าต่างเตือนแบตอันนี้ แต่ผมให้ดูในโหมด desktop เพื่อยืนยันเวลาในการใช้งานด้วย

การปรับแต่งตัวเครื่อง

ในส่วนของ Display เป็นของ intel ก็ปรับแต่งได้หลากหลาย

ความละเอียดในการแสดงผลสูงสุดคือ 1366×768 pixels

ปรับ Profile การแสดงผลได้ตามต้องการ (มีผลกับเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ด้วย)

ปรับแต่งการแสดงผล จริงๆถ้าเราไม่เสียบชาร์จแบต หน้าจอจะหรี่ความสว่างลง แต่ผมไม่ถนัดก็เลยปรับความสว่างสูงสุดตลอด ก็เลยมีผลกับแบตเตอรี่ด้วย

ข้อสังเกต

พอร์ตข้างเครื่องจะเป็น microSD Card reader มาให้ ตอนแรกผมจะเอา SD Card เสียบเหมือนโน้ตบุ๊กที่เคยใช้ ปรากฎว่าเสียบ SD Card ไม่ได้ (ผมเอาภาพจากกกล้องโหลดลงเครื่อง) ก็เลยต้องใช้ USB SD Card reader แทน แต่ถ้าใช้กล้องกับ MicroSD + Adaptor SD Card ก็ถอด MicroSD (เมมเล็ก) จากอแดปเตอร์มาใส่ได้เลย จริงๆเขาน่าจะคิดว่า เอาเมมจากมือถือมาใส่ได้เลย อันนี้สะดวกมากๆ

ตอนแรกที่ใช้ Touch Pad รู้สึกว่าลื่นมากเกินไป ทำให้กดพลาด ก็เลยพกเม้าส์ไร้สายมาใช้งานแทน เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ได้ (สำหรับ MacBook Air ผมหาสติกเกอร์ติด Touch Pad มาแปะ ทำให้ไม่ลื่น แต่พอผมใช้ๆไป ลองปรับ Pointer ให้ช้าลงก็ใช้งานได้สะดวก อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวนะครับ ผมไม่ถนัด TouchPad ลื่นๆ ชอบฝืดๆ ทำให้แม่นยำกว่า มันลื่นเกินไป แต่ถ้าปรับ Pointer ตามต้องการก็จะทำให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น

เรื่องความร้อน ควรวางเครื่องบนวัสดุที่ระบายอากาศง่าย เพราะช่องระบายความร้อนอยู่ด้านหลัง ข้อดีคือไม่ร้อนมือ ปกติโน้ตบุ๊กหลายรุ่นมีช่องระบายความร้อนด้านข้าง (ซ้าย) ผมถนัดขวา แต่ถ้าใครถนัดซ้าย มือสุกกันเลยทีเดียว อันนี้ระบายความร้อนด้านหลัง แต่ตอนวางบนตัก จะรู้สึกถึงความร้อนแผ่ออกมาแต่ไม่โดนไข่ (ฮา)

พอร์ต USB และช่องเสียบสายชาร์จอยู่ใกล้กันมากเกินไป ทำให้เราต้องพลิกด้านหัวชาร์จออกไปทางด้านหลัง ผมเสียบเม้าส์ USB นี่ถ้าเสียบ USB Flash Drive อันใหญ่ๆ รูปตุ๊กตา มันเสียบพร้อมสายชาร์จไม่ได้เพราะมันติดกันเกินไป น่าจะมีช่องทางห่างกันสักหน่อย

ใช้งานจริงกับความบันเทิง

ผมชาร์จแบตเต็ม แล้วถอดสายชาร์จ เล่นเน็ต เข้าเว็บ ดู Youtube โดยดู Club Friday ตอน ความลับของมิ้นต์กับมิว EP.3 ต่อด้วย 4 ยังไม่ทันจบตอน 4 แบตแจ้งเตือนหมดละ (เปิดเสียงสุด) อันนี้ประทับใจอยู่ ตีว่า 2 ชั่วโมงกับการใช้งาน และเปิดเสียงดังสุด ดูกันทั้งบ้าน จริงๆระบบบอกว่า แบตใช้ได้ 5 ชั่วโมง แต่ผมตั้งค่าความสว่างหน้าจอสูงสุด ดู Youtube ตลอด อายุการใช้งานแบตเตอรี่ก็สั้นลงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมชอบมากเรื่องความเบาของ CarbonBook เสียงลำโพงก็แจ่มดี

ซื้อได้ที่ไหน

ตอนนี้มีขายออนไลน์ผ่าน voltztore.com ให้บริการโดย บีเจซี คอมเมิร์ซ จำกัด หรือเบอร์ลี่ ยุคเกอร์