Yokekung World

เก่งรอบด้าน HP Color LaserJet Pro MFP M377dw พรินเตอร์เลเซอร์สี ขวัญใจชาวออฟฟิศ

ตอนนี้ เรามี Startup และธุรกิจขนาดย่อม เกิดขึ้นมากมาย แม้ว่าจะมี เทคโนโลยี ไอที ดิจิตอล มี e-Paper เข้ามาช่วย ทุกสิ่งอย่างบันทึกเป็นไฟล์ เก็บเป็น Soft Copy แต่การมีออฟฟิศ หรือสำนักงาน จะเป็นสำนักงานเล็กๆ เป็น Home Office อย่างน้อยก็จะต้องมี พรินเตอร์สักเครื่อง เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้พิมพ์อะไรมาก นานๆ พรินต์ที แต่เราก็มักจะต้อง Copy ทำสำเนา หรือสแกนเอกสารต่างๆ เก็บไว้ เรื่องบัญชี ก็ยังต้องใช้เอกสาร สแกน หรือทำเป็น PDF เก็บไว้ วันนี้เราขอแนะนำ พรินเตอร์เลเซอร์สี ที่ตอนนี้มีราคาถูกลงเยอะแล้ว แถมการใช้งานในออฟฟิศเล็กๆ หรือใช้ในแผนก ที่มีคนสัก 10 – 20 คน เครื่องเดียวจบ และไม่ต้องการเนื้อที่ในการวางมากนัก

สเปคอย่างย่อ

PRINT : ดำ 24 ppm; สี 24 ppm
ปริมาณการพิมพ์ ประมาณ 80,000 แผ่น
SCAN : ดำ 1200 x 1200 dpi; สี 1200 x 1200 dpi
COPY : ดำ 24 ppm; สี 24 ppm
การเชื่อมต่อ :  Hi-Speed USB 2.0 / Gigabit Ethernet 10/100/1000 Base-TX network port
1 Year on-site service

HP Color LaserJet Pro MFP M377dw เป็น Office Laser Multifunction Printers จาก HP คำว่า MFP มาจากคำว่า Multi-function Printer รองรับการใช้งานในสำนักงาน ยุคนี้ เราเชื่อมต่อแบบไร้สาย ส่วนการพิมพ์ ใช้หมึก Original HP Toner cartridges ที่มาพร้อมเทคโนโลยี JetIntelligence พิมพ์ไว คมชัด เฉียบคม ที่ผมทดสอบแล้ว พิมพ์ไวจริง ตอบสนองความต้องการในการใช้งานในสำนักงาน หรือออฟฟิศ ด้วยการพิมพ์แบบเลเซอร์ ทำได้ทั้ง Print, copy และ scan ผ่านพอร์ต USB, LAN, Wi-Fi

ถาดกระดาษมี 2 ถาด เลือกใส่ได้ และเลือกถาดได้ตอนพรินต์ เท่าที่พรินต์มา ไม่เจอปัญหากระดาษติดเลย (ใช้กระดาษ A4 ปกติ)

พอร์ต USB ก็อำนวยความสะดวกให้เรา เอาไฟล์ใส่ Thumb Drive มาเสียบเพื่อพรินต์ได้เลย แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มี SD Card Reader มาให้เหมือน Home Use MFP ทั่วไป

หน้าจอ #ชี้นิ้วสั่ง สั่งงานด้วยนิ้วมือ จอสัมผัส


การควบคุม สั่งงานผ่านหน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 10.9 เซ็นติเมตร จากการทดสอบใช้งาน สัมผัสดี แต่อาจจะต้องอาศัยความคุ้นเคยสักนิดในการสัมผัสหน้าจอให้แม่น เมนูหลักบน HP Color LaserJet Pro MFP M377dw ให้เราใช้นิ้วแตะสั่ง Copy / Scan / Jobs (ดูงานพิมพ์) / USB (เสียบ USB Flash Drive แล้วเลือกสั่งพิมพ์เอกสาร รูปภาพ จาก Flash Drive ได้เลย) ข้อดีของ HP Color LaserJet Pro MFP M377dw  คือ ทำงานได้รวดเร็ว สแกนไฟล์ส่งถึงอีเมลล์ได้เลย เสียบ USB สั่งพิมพ์ได้สะดวก รองรับ network folders จัดการผ่านเครือข่ายง่าย เอาใจชาวออฟฟิที่เร่งรีบ

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม สเปค HP

คลิปแนะนำ สั้นๆ

ใช้งานจริงกันดีกว่า ปุ่ม Power อยู่มุมขวา สะดวกกว่าเครื่องพรินเตอร์หลายรุ่น ที่ต้องเอื้อมมือไปเปิดหลังเครื่อง

การตั้งค่าครั้งแรก ไม่ต้องทำอะไรยุ่งยากเลย เสียบปลั๊ก ถ้ามีสายแลนก็เสียบสายแลน หรือมี Wi-Fi ก็ต่อ Wi-Fi ที่ใช้เน็ตได้ ไม่ต้องลงไดร์เวอร์ ไม่ต้องวุ่นวายกับการเสียบสาย USB หาไดร์เวอร์ โหลดซีดี อะไรเลย ติดตั้งง่ายมากๆ ชาวออฟฟิศคนไหนก็ทำได้ ไม่ต้องง้อแผนกไอที

ข้อดีอีกอย่างคือ ไม่ต้องต่อสาย USB กับคอม ถ้ามี Wi-Fi จะตั้งพรินเตอร์ตรงไหนก็ได้ ไม่ต้องวางข้างคอม หรือไม่วางตรงที่มีสายแลน ต่อ Wi-Fi จบ สะดวกมาก

Wi-Fi Direct ใช้ง่ายมาก ตัว Printer ปล่อย Wi-Fi ได้ เราก็เอาอุปกรณ์ที่เราจะพรินต์ ต่อกับ Wi-Fi ส่วนการพรินต์ผ่านคอม จะพรินต์อะไร ก็ส่ง Email แนบไฟล์ ส่งเมล์ไปที่พรินเตอร์ ง่ายสุดๆ ส่วนมือถือก็ใช้แอพ HP ePrint จบ อะไรก็ง่ายไปซะทุกอย่าง ตามมาๆ ผมทำให้ดูครับ

เห็นคำว่า Wi-Fi อาจจะดูงงๆ มี 2 แบบครับคือ Wi-Fi Direct หมายถึง การต่อ Wi-Fi จากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอม มือถือ เข้ากับ Wi-Fi ของ Printer โดยตรง และ Wi-Fi ใช้เน็ตปกติ ซึ่งตัว Printer เองก็ต่อเน็ตได้อยู่แล้ว สามารถรับคำสั่งพรินต์ผ่าน E-Mail ได้เลย โม้มาทั้งหมด อาจดูเหมือนเรื่องปกติ กับ มัลติฟังก์ชั่น พรินเตอร์ ทั่วๆไปก็ทำได้ แต่สำหรับ HP Color LaserJet Pro MFP M377dw มาพร้อมความสะดวก ง่าย และทุกคนในออฟฟิศใช้เป็นแบบไม่ยุ่งยาก

อันดับแรก ต่อ Wi-Fi พรินเตอร์กับ Wi-Fi บริษัท หรือเสียบสายแลน ตรงนี้ปกติจะใช้งานได้เลย แต่ถ้าเน็ตบริษัทมีกำหนดเงื่อนไขตั้งค่า proxy อะไรที่ออกเน็ตได้ ก็ต้องพึ่งแผนกไอทีสักนิด

บนหน้าจอ ไล่จากซ้ายไปขวา ซ้ายคือ Wi-Fi Direct ใช้เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เช่น มือถือ แท็บเล็ต คอม กับ Wi-Fi ของ Printer (คือตัว Printer ปล่อย Wi-Fi ได้นั่นเอง) อันกลางคือ Network หมายถึงตัว printer ต่อ Wi-Fi (มีเน็ต) แต่ถ้าต่อ LAN แล้วก็ไม่ต้องต่อ Wi-Fi ก็ได้ เอาไว้รับคำสั่งพิมพ์ผ่าน E-Mail ได้ และขวาก็คือ HP ePrint (จะต้องต่อเน็ตด้วย เมนูกลาง) ถ้าไม่มีเน็ต อันนี้จะใช้ไม่ได้ (เอาไว้เพื่อรับคำสั่งพิมพ์ผ่านแอพ HP ePrint และอีเมล์)

ถ้าใช้ Wi-Fi Direct ช่วงนั้นจะใช้เน็ตมือถือไม่ได้ เพราะเชื่อมต่อ Wi-Fi กับพรินเตอร์อยู่ แต่ก็เป็นแค่ช่วงเวลาแป๊บเดียวแหล่ะน่า ดังนั้นก่อนสั่งพิมพ์ผ่านมือถือ ในโหมด Wi-Fi Direct ก่อนต่อ Wi-Fi มือถือกับ Wi-Fi Printer แนะนำให้ดาวน์โหลดไฟล์ รูปภาพ เอกสาร มาไว้ในเครื่องก่อน แล้วต่อ Wi-Fi เลือก SSID ชื่อพรินเตอร์ เพื่อสั่งพิมพ์ผ่านแอพ HP ePrint เพราะตอนที่เราต่อ Wi-Fi มือถือกับพรินเตอร์ เราจะใช้เน็ตไม่ได้ เพราะไม่ได้ต่อ Wi-Fi อันที่เข้าเน็ตได้

สั่งพิมพ์ ไร้สาย ผ่าน Wi-Fi และ E-Mail

จากการทดสอบ เชื่อมต่อ Wi-Fi Direct ระหว่างมือถือ และพรินเตอร์ สามารถสั่งพิมพ์จากมือถือ ผ่านแอพ HP ePrint ง่ายมาก และพิมพ์ไวมาก (สั่งพิมพ์แบบเลเซอร์สี)

แนะนำ HP ePrint โครตง่าย ใครๆก็ทำเป็น (ทำเป็นได้ ไม่ง้อแผนกไอที)

ถ้าบนคอม ปกติจะต้องติดตั้งไดร์เวอร์พรินเตอร์ แต่อันนี้ ง่ายมาก ไม่ต้องติดตั้งอะไรเลย ขอแค่มีเน็ต ถ้าใช้งานในออฟฟิศ ใช้คอม แต่ไม่มีแผนก IT ไม่มีช่าง ไม่มีคนติดตั้งพรินเตอร์ให้ ทำไง? ผมแนะนำ HP ePrint เลยครับ โคตรง่ายมากๆ คือ ไม่ต้องมีความรู้ติดตั้งพรินเตอร์เป็นเลย โดยทั้ง Printer และทั้ง มือถือคุณ จะต้องต่อเน็ตได้ด้วย พรินเตอร์จะต่อ LAN หรือ Wi-Fi ก็ได้ มือถือต่อ 3G 4G หรือ Wi-Fi ก็ได้ ขอให้ออกเน็ตได้ เพราะตัวที่สั่งพิมพ์คืออีเมล์ครับ มือถือต้องส่งเมล์ได้ พรินเตอร์ต้องรับเมล์ได้นั่นเอง

ถ้าอยากพรินต์อะไร ก็แค่ส่งอีเมล์ ไปยังอีเมล์ของพรินเตอร์ ที่ระบุบนหน้าจอทัชสกรีน เมล์ไปปุ๊บ พรินเตอร์ก็พิมพ์ให้เราเลย ง่ายสุดๆ สาธิตง่ายๆเลย เอาไฟล์ แนบอีเมล์ ส่งไปที่อีเมล์ของ printer (อยากรู้ว่า อีเมล์อะไร ดูได้จากหัวข้อ HP ePrint บนจอ)

ลองแนบภาพ ในรีวิวนี้ ส่งเมล์ไปยังพรินเตอร์ โดยพรินเตอร์แต่ละตัว จะมีอีเมล์เฉพาะของเครื่องเลย ดังนั้น จะพรินเตอร์เครื่องไหน ต้องรู้ E-Mail Address เครื่องนั้นครับ

(ภาพนี้ ถ่ายให้เห็นว่า พรินต์ภาพจากอีเมล์ที่เราส่งหาอีเมล์ของพรินเตอร์ แต่ภาพกระดาษใบนี้ ผมปรับแสงให้สว่างขึ้น ดังนั้นภาพกระดาษพรินต์ที่เห็นนี้ อาจแตกต่างจากกระดาษที่พรินต์ในมือผมจริงๆ เพราะการปรับแสงของภาพครับ)

การพิมพ์ภาพ เอกสาร ไฟล์ จากมือถือ ผ่านแอพ HP ePrint

ตอนนี้เรา รับอีเมล์ ส่งอีเมล์บนมือถือ มีแนบไฟล์ไว้ อยากสั่งพิมพ์ก็ดาวน์โหลดไฟล์แนบแล้วพิมพ์ผ่านแอพ HP ePrint ได้เลย

ติดตั้งแอพบนเครื่อง จากนั้น Activate ePrint ผ่านอีเมล์ จากนั้น เชื่อมต่อ Wi-Fi มือถือกับ พรินเตอร์ผ่าน Wi-Fi Direct

เลือกสั่งพิมพ์เอกสาร รูปภาพ ไฟล์ในเครื่องมือถือของเราได้เลย ถ้ามี Cloud ก็สามารถผูกกับ HP ePrint เพื่อสั่งพิมพ์เอกสารออนไลน์จาก Cloud ได้ ในที่นี้เราพิมพ์ภาพที่อยู่ในมือถือ

 

แค่ส่งอีเมล์ไปยังพรินเตอร์ ก็พรินต์ให้เราได้ทันที ง่ายสุดๆ

อีกวิธีคือ เข้า www.hp.com/go/mobileprinting บนเครื่องที่เราต้องการพรินต์ แนะนำให้เชื่อมต่ออุปกรณ์บนเครือข่ายวงเดียวกับพรินเตอร์ ถ้าอยู่วง Network เดียวกัน ต่อ Wi-Fi ชื่อเดียวกัน ก็โหลดแอพ HP Print Service Plugin มาใช้ ก็พรินต์ผ่านมือถือ แท็บเล็ต ได้ง่ายมาก

แต่ถ้าไม่ได้ต่อเครือข่ายเดียวกัน หมายถึง Wi-Fi อันเดียวกัน Network วงเดียวกัน ใช้ Wi-Fi Direct แทนได้ เอามือถือต่อ Wi-Fi ของ Printer ปกติจะเป็นชื่อ Printer ตามคำแนะนำที่กล่าวมาข้างต้น

 

ดูเพิ่มเติม www.hp.com/go/mobileprinting

ใช้ Facebook Messenger สั่งพรินต์

สามารถ สั่งพิมพ์ผ่าน Facebook Messenger ได้ด้วย โดยเข้าไปที่ m.me/hpprintbot แล้ว Sign In Facebook Messenger ของเรา เราก็แนบรูป แนบไฟล์ เหมือนคุย Facebook Messenger ตามปกติ ครั้งแรกก็ใส่ E-Mail ของ Printer ที่ได้จาก HP ePrint

กด Print หรือ Edit เพื่อ Crop ภาพ ปรับแสง ปรับองศาภาพก่อนสั่งพิมพ์ แบบนี้ก็สะดวกดีเหมือนกัน ครั้งต่อไปจะพิมพ์อะไรก็แนบรูปส่ง Facebook Messenger จบ

Copy / Scan

หลังจากที่แนะนำการ Print แล้ว มาต่อกันที่ การ Copy / Scan โดยด้านบน สามารถเปิดออกมาถ่ายเอกสารได้ สแกนได้

การสแกน และ Copy ใช้วางเอกสารบนกระจกด้านบนเครื่องได้ โดยจะเป็นการ scan + print อาศัยความเป็น Scanner + Printer ทำให้เราได้ Copy มา แต่คุณภาพของการถ่ายเอกสาร ขึ้นอยู่กับตัวต้นฉบับด้วย

การ Copy หรือ ถ่ายเอกสาร บนเครื่อง มัลติฟังก์ชั่น จะใช้หลักการคล้ายๆกันก็คือ สแกนแล้วสั่งพิมพ์เลย ดังนั้น ความคมชัด ชัดกว่าถ่ายเอกสาร แต่อาจมีข้อเสีย เพราะมันคือการสแกน ถ้ากระดาษต้นฉบับคุณยับ สกปรก เปื้อน ฉบับ Copy ก็ด่างพร้อยไปด้วย แต่ปกติเราก็ไม่ได้เอากระดาษยับยูยี่ หรือกระดาษสกปรกมาใช้ที่ออฟฟิศอยู่แล้วนิเนอะ

นิดนึง ผมเคยชินกับการใช้เครื่องถ่ายเอกสารใหญ่ เครื่องหมาย < > ผมนึกว่าเป็นความเข้มของหมึก ดั๊นน กลายเป็นจำนวนสำเนาที่ Copy ความเข้มของหมึกต้องปรับ – + บรรทัดล่างลงมา

Scan

การสแกน สามารถสแกน ทั้งถาดเอกสารด้านบน และกระจกถ่ายเอกสาร (เรียกไม่ถูกแฮะ) รองรับการสแกนแล้วบันทึกผ่าน USB, Network Drive (ถ้าต่อ LAN หรือมี Wi-Fi ที่มีการแชร์ Folder Network Drive ไว้) และสแกนแล้วส่ง E-Mail และนี่คือ ตัวอย่างการสแกน งานพิมพ์ที่ได้จากตอนตั้งค่า HP ePrint E-Mail Address

การสแกนเอกสาร รูปภาพ เลือกได้ ว่าจะให้บันทึกเป็น PDF หรือ JPEG เลือกความละเอียดในการสแกน 75 dpi / 150 dpi / 300 dpi / 600 dpi ผมสะดวกในการเซฟบน USB ง่ายดี ตัวอย่างนี้ สแกน 150 dpi / JPEG

ภาพนี้ สแกนบนกระจกตามปกติ แล้วบันทึกลงบน Flash Drive เอามาลง blog แต่ขอปิดอีเมล์ นิดนึงฮะ เดี๋ยวมีคนพรินต์แหลก 555

Jobs Storage

เป็นฟังก์ชั่นที่ต้องเอา USB Flash Drive 16GB เกลี้ยงๆ คลีนๆ มาเสียบค้างไว้ เพื่อให้สามารถเก็บ Jobs งานพรินต์ที่สั่งพิมพ์ไว้ได้ คือเก็บไว้ได้แล้วอยากพรินต์ก็ใช้นิ้วกดสั่งพรินต์ผ่านจอได้เลย โดยตัวนี้จะเป็นการ Hold Jobs งานพิมพ์เอาไว้ แล้วส่งไปยังพรินเตอร์ ถ้าถอด USB Flash Drive อันนี้ออก Jobs Storage ก็จะถูก Disable ไปด้วย เราสามารถเลือกสร้าง Print Jobs เพื่อให้สามารถสั่งพิมพ์ด้วยตัวพรินเตอร์เอง สั่งผ่านหน้าจอได้เลย

จะเห็นได้ว่า เครื่องปริ้น มี USB Port 2 ช่อง ด้านหน้าเอาไว้เสียบ Flash Drive หรือ Thumb Drive สั่งพรินต์งาน ส่วนด้านหลังเป็นพอร์ต USB สำหรับเสียบ Flash Drive คาไว้ (ไม่ต้องถอด) คือสละ USB Flash Drive ตัวนึงไว้เป็น Jobs Storage เลย (คุณสมบัตินี้ จะมีก็ต่อเมื่อเราอัพเดต Driver printer ล่าสุด ถ้าไม่เจอเมนูนี้ อัพเดต Driver ของเครื่องพิมพ์ล่าสุด) อ่านเพิ่มเติม

ปิดท้ายด้วย Supplies

เป็นเมนู เอาไว้ดู ปริมาณหมึก แต่เรากดสั่ง print รายงานออกมาได้ ผมสแกนมาให้ดู เครื่องนี้เป็นเครื่องทดสอบ พิมพ์สีดำไป 107 แผ่น สีฟ้า ชมพู เหลือง อย่างละ 59 แผ่น แต่ละหมึก แยกสี พิมพ์ได้ 2,100+ แผ่น ทุกสียัง 100%

ยิ่งเราใช้งานในสำนักงาน ก็อยากรู้ จำนวนแผ่น จำนวน และปริมาณของการพิมพ์ กระดาษที่ใช้ เอาไว้คำนวณต้นทุนการพิมพ์ได้

สรุป

จากที่ได้ใช้งาน พรินเตอร์ เลเซอร์สี HP Color LaserJet Pro MFP M377dw ครบครันทั้งการพิมพ์ สแกน ทำสำเนา หรือ Copy เชื่อมต่อผ่าน LAN / Wi-Fi สะดวกในการสั่งพิมพ์ผ่าน Wi-Fi, Wi-Fi Direct, E-Mail print และเสียบ Thumb Drive / Flash Drive USB ก็สามารถพิมพ์ได้สะดวกในทุกสถานการณ์

ราคาตอนนี้ 31,300 บาท

ขอขอบคุณ HP เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ทดสอบ

รายละเอียด ราคา และสั่งซื้อ

Exit mobile version