เล่าหลังใช้ OPPO A83 (2018) มา 2 สัปดาห์ 2 ซิม จอใหญ่ แบตอึด สแกนใบหน้าได้
มือถือ OPPO A83 (2018) เป็นมือถือที่ครบครัน เซลฟี่หน้าใส สว่างชัด ไม่ต้องใช้แอพช่วย กล้องหลังก็สวย ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าได้ (ต้องอัพเดต Firmware ล่าสุด) ผมใช้มา 2 สัปดาห์ ชอบมากๆ ทั้งการเซลฟี่ ถ่ายรูป เล่น LINE, Facebook, Gmail, Twitter, Instagram สนุก ถ่ายวีดีโอก็ชัด (1080p และ 720p)
เรียกได้ว่า OPPO A83 (2018) เป็นมือถือที่ทำโปรเยอะมาก ทั้งแบบล็อกซิม ไม่ล็อกซิม มีรุ่น RAM 2GB และ RAM 3GB วิธีดู ถ้าขายใน True Shop, 7-Eleven แล้วเป็นแบบ 2GB ที่กล่องมีคำว่า “ใช้เฉพาะเครือข่าย ทรูมูฟ เอช เท่านั้น” นั่นคือล็อกซิม (ใช้ได้เฉพาะซิมทรูเท่านั้น)
จุดเด่น OPPO A83 (2018)
เซลฟี่สวย – ทดสอบแล้ว สว่างสดใส ไม่ต้องพึ่งแอพ ปรับความฟรุ้งฟริ้งเลย ความละเอียดกล้องหน้า 8MP พร้อมโหมดบิ้วตี้ กล้องหน้าไม่มีไฟแฟลช แต่ถ้ามืด จะใช้แสงหน้าจอสาดเข้าไปให้หน้าสว่างขึ้น
กล้องหลัง 13MP ถ่ายชัดดี (ดูตัวอย่างภาพถ่ายท้ายบทความ)
รองรับ 2 ซิม – แต่ดูรุ่นนิดนึง ถ้ารุ่นที่ล็อกซิมจะใช้ได้เฉพาะซิมทรู ทั้ง 2 ซิม
จอใหญ่ 5.7 นิ้ว – อันนี้ชอบ มองสบายตาดี จอชัดดี ความละเอียด HD+ 1440×720 พิกเซล อัตราส่วน 18:9 คือไม่น้อยหน้ารุ่นอื่นๆ
แบตอึด – ความจุ 3180 mAh ใช้งานได้ทั้งวัน โดยไม่ต้องห่วงเรื่องชาร์จ
ตัวเครื่องรองรับการชาร์จไฟผ่าน Micro USB (ไม่ใช่ USB Type-C) ก็คือสายชาร์จมือถือมาตรฐานทั่วไป
เครื่องที่ทดสอบ ล็อกซิม ทรู (ตามโปรโมชั่น 7-11)
ถ้าถอดซิมทรูออก จะเจอหน้าจอ กรุณาใส่ซิมการ์ดทรูมูฟ เอช ที่จดทะเบียนรายเดือน ตอนซื้อเครื่องตลอดระยะเวลาสัญญา โทรศัพท์เครื่องนี้รองรับซิมการ์ด ทรูมูฟ เอช เท่านั้น
เครื่องที่ทดสอบใช้งานนี้ เป็นรุ่นใหม่ อัพเดต เวอร์ชั่น Firmware ล่าสุด มีสแกนใบหน้าแล้ว (รุ่นแรม 2GB)
รีวิวแบบวีดีโอ
จุดเด่นบน OPPO A83 (2018)
ใช้งานได้ 2 ซิม แต่จะต้องเลือกว่า ใช้ซิมไหนต่อเน็ต อีกซิมจะเป็น 2G ใช้เน็ตไม่ได้ (ไม่รองรับการใช้เน็ตพร้อมกันทั้ง 2 ซิม)
* ทดสอบใส่ซิมอื่นที่ไม่ได้จดทะเบียนผูกกับเครื่องรุ่นนี้ เป็นซิมทรู ก็ใช้งานได้ ไม่ได้จำกัดว่าจะซิมที่จดทะเบียนตอนเปิดเบอร์ จะต้องเป็นซิมที่ 1 เอาซิมที่จดทะเบียนไปใส่ไว้ในช่องซิม 2 ได้
Clone App สามารถใช้งาน Facebook และ Instagram 2 บัญชีในเครื่องเดียวกัน โดยไม่ต้อง Logout แล้ว Login ใหม่ เสี่ยงโพสต์ผิดบัญชี เช่น ใช้บัญชีส่วนตัว และบัญชีของบริษัท
เล่น 2 แอพ ในหน้าจอเดียว โดยใช้ 3 นิ้วเลื่อนขึ้น เพื่อแบ่งหน้าจอ
โดยสามารถแบ่งหน้าจอได้ทั้งแนวตั้ง และแนวนอน
ส่วนการสลับแอพ จะเป็นหน้าตาแบบนี้
จากที่ใช้งานมา แม้จะมี RAM 2GB ก็ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้งานทั่วไป สลับแอพ LINE, Facebook, Instagram ดูรูป เข้าเว็บ สะดวกดี
ส่วนเมนู เรียกคำสั่งโดยปัดนิ้วจากล่างขึ้นบน (ไม่ได้ปัดนิ้วจากบนจอลงล่างเหมือนแบรนด์อื่นๆ)
เปิด – ปิด Wi-Fi ง่ายดี ปิด Data (รูปลูกโลก) ง่ายดี ปิดเสียง เปิด – ปิด Bluetooth, Location สะดวก ไม่ต้องเข้าเมนูตั้งค่า
มีเมนู ถนอมสายตาให้ด้วย (เมนูภาษาไทย ใช้คำว่า ปกป้องสายตาในเวลากลางคืน) เวลาเรานอนแล้วอยากกดมือถือ แสงจะไม่แยงตา ทำให้ไม่แสบตา
Gesture หรือท่าทาง ใช้ท่าทางในการสั่งงาน เช่น ใช้ 3 นิ้ว จับภาพ หรือ Capture หน้าจอ
ปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้า ใช้ใบหน้าปลดล็อกหน้าจอได้ โดยจะต้องใช้บน Firmware เวอร์ชั่นล่าสุดเท่านั้น ถ้าแสงไม่พอ ก็จะใช้หน้าจอเป็นไฟเสริม (ไม่มีแฟลชกล้องหน้า)
แบตเตอรี่ OPPO A83 (2018) มีโหมดประหยัดไฟ เมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่า 20%
โหมดประหยัดไฟ จะปิดแอพทำที่งานเบื้องหลัง (Background) ลดความสว่างหน้าจอเพื่อประหยัดแบต และปิดการสั่นเมื่อแตะ สังเกตไอคอนแบตเป็นสีฟ้า
นอกจากนี้ ใครที่อยากจะต่อ USB OTG หมายถึง Flash Drive ที่ต่อขั้วชาร์จมือถือได้ ก็สามารถเปิดการใช้งานแล้วใช้เป็น Flash Drive เสียบตูดมือถือ ใช้ถ่ายโอนไฟล์ได้ครับ (ถ้าไม่ใช้ 10 นาที จะปิดการใช้งานโดยอัตโนมัติ)
ตัวอย่างภาพถ่าย
ทุกภาพ ไม่มีการปรับแต่ง ไม่มีแอพใดๆ ถ่ายเสร็จ จบหลังกล้องเลยครับ
ภาพเซลฟี่ แสงห้องคอนโดปกติ
ตัวอย่างภาพถ่าย โหมด พาโนรามา Panorama
ภาพนี้ ซูมเข้าไป ดูแตกๆ แต่เก็บรายละเอียดได้ดี
ก๋วยเตี๋ยวเรือ (แสงในร้านอาหาร) สีน้ำซุป กากหมู เหลืองสวย เพราะแสงไฟในร้านด้วยแหล่ะครับ
ภาพอาหาร ถ่ายใกล้ – ไกล ก็มีระยะความชัด ความเบลอ
ภาพถ่ายอาหาร ทำได้ดี สีของชีส เหลืองน่าทาน
ภาพ Outdoor ตอนเย็น ภาพสวยดีครับ
สิ่งที่ชอบคือ การกดซูมภาพ 1x 2x (ยืนที่เดิม)
ตัวอย่างการถ่ายวีดีโอ (มีการซูม)
โดยสรุปแล้ว ใช้ 2 สัปดาห์ ลบคำสบประมาทเครื่องจัดโปรได้เลยว่า มันดีมากๆ ใช้งานได้ดี เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป กล้องหน้าดี กล้องหลังชัด วีดีโอ โอเค เป็นเครื่องหลักดีมากๆ เลย มีโหมดประหยัดแบต ที่ชอบมากๆ คือสแกนใบหน้า แบตใช้งานได้นาน จอใหญ่ดี ส่วนแป้นพิมพ์ OPPO ก็ทำความคุ้นเคยได้ง่าย ลองดูโปรก็แล้วกันครับ
ขอขอบคุณ OPPO ประเทศไทย เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ทดสอบ