บน Social มีกระแสออกมาอยู่บ่อยๆ ว่า ไม่ควรทำงานผ่านไลน์ (LINE) เพราะความไม่เสถียร และทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัว แต่จากที่ผมทำงานผ่าน LINE มาเกือบๆ 10 ปี (นับปีไม่แม่น น่าจะสัก 8-9 ปี เพราะใช้ LINE ทำงานมานานมากๆ) แต่ถ้าย้อนไปถึงยุค MSN เราก็ทำงานผ่าน MSN และ Yahoo Messenger มาก่อน เล่าความก่อนว่า ผมเริ่มทำงานปี 2003 (2546) คือเรียนจบปุ๊บ ทำงานเลย ตอนนั้นทำงานผ่าน MSN เพราะเราทำงานบนคอมอยู่แล้ว ยุคนั้นไม่มีมือถือ – สมาร์ทโฟน ใช้ MSN บนคอมเป็นหลัก เลิกงาน กลับบ้าน ออนเอ็มที่บ้านต่อ แต่ก็ไม่ได้ใช้ทำงาน เป็นการพูดคุยกันกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน และเพื่อนๆ ที่รู้จักบนเน็ต
ลักษณะการทำงานของผมคือ ทำงานด้าน Social, Online ครับ หลักๆ นั่งทำงานที่ออฟฟิศ ใช้คอมเป็นหลัก เข้าห้องประชุมก็แบกโน๊ตบุ๊กเข้าไป และเอามือถือเข้าไปด้วย ดังนั้น การจะบอกว่า LINE ควรเอามาใช้ทำงานหรือไม่ควร อันนี้อาจจะต้องมองเรื่องลักษณะการใช้งานด้วย บางงานอาจจะไม่เหมาะ แต่สำหรับผมขอเล่าในมุมของผมนะครับ และผมจะไม่ตัดสินว่า ใช้ LINE ทำงาน ดีหรือไม่ดี แล้วแต่บุคคลและลักษณะงาน รวมทั้งทีมที่เราทำงานด้วยครับ
นอกจากนี้ การทำงานผ่าน LINE ของผม ใช้ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องงาน และความคิดเห็นในบทความนี้ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท องค์กรใดๆ ที่ผมทำงานอยู่ทั้งสิ้นครับ ซึ่งการใช้ LINE นั้นขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละทีม และองค์กรที่เราทำงานด้วย ตอนสัมภาษณ์งานในปัจจุบัน ก็อาจจะมีคำถามจากผู้สมัครว่า มีวิธีการทำงานผ่านแอปอะไร เพื่อให้เราคุ้นเคยก่อนเริ่มงานจริงครับ
ถ้านับๆ ปีการใช้ LINE คุยในการทำงาน น่าจะเริ่มช่วงปี 2014 เพราะก่อนหน้านั้นใช้ BB และ iMessage คุยงาน (ตอนนั้นใช้ iPhone มีโปรส่ง SMS และ iMessage เยอะ) ถึงไม่แปลกใจว่าทำไมโปรมือถือยุคนั้น ให้จำนวน SMS ส่งกันเยอะมากๆ ในแพ็กเกจรายเดือน เพราะส่งกัน 300 ข้อความเลย (ถ้าจำไม่ผิด)
ออกตัวก่อนว่า ผมไม่ได้มองว่า การทำงานผ่านไลน์ ดี หรือไม่ดี แต่ผมมองว่า การที่เราทำงานผ่านไลน์นั้น เนื่องจาก หัวหน้าเรา เพื่อนร่วมงานเรา สะดวกจะใช้ไลน์ในการทำงาน เป็นข้อตกลงร่วมกันในการทำงานของทีมในบริษัท ซึ่งยุคก่อน เราก็ออนเอ็มกันเป็นปกติอยู่แล้ว เพียงแต่หลักๆ ในการทำงานจะส่งเมล มากกว่าคุยงานผ่าน MSN เพียงแต่จะเป็นการเน้นการพูดคุยกับเพื่อนในกลุ่ม เช่น ป่ะ กินข้าว หรือพูดคุยสนทนาทั่วไป ที่ไม่ใช่ส่งงาน มีส่งงานแต่น้อยมากๆ เพราะเน้นใช้อีเมลเป็นหลักในการทำงาน และยังออนบนคอมเป็นหลัก มันก็เลยไม่มีผลอะไรกับชีวิตส่วนตัวนัก
มียุคนึงคุณพ่อผมป่วย ผมเลยไปทำงานกับบริษัทแปลบริษัทนึง คุยงานผ่าน Yahoo! Messenger ครับ พูดได้เลยว่าผม Work From Home มาก่อนกาลเพราะดูแลคุณพ่อ พก Notebook วางข้างเตียงคุณพ่อ ต่อมือถือผ่าน EDGE และนั่งทำงานที่ TrueCoffee (ในยุคนั้น) มาแล้ว แต่งานแปลส่งผ่านอีเมลเป็นหลักครับ Messenger เอาไว้พูดคุยกัน แต่หลักๆ คืออีเมล
สมัยนั้น ออนเอ็มทำงาน บนคอม ไม่ได้มีมือถือที่ติดตามตัวและผสมผสานเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว เพราะหลายๆ คนถ้าไม่ใช่คนที่เล่นคอม ใช้คอมทำงาน ออนเอ็ม แล้วก็ปิดคอมกลับบ้าน ไม่ได้ออนจนกว่าจะเปิดคอมทำงานที่ออฟฟิศ แถมยังใช้ PC กันด้วย ไม่ได้ใช้ Notebook ยกเว้นคุณจะทำงานเป็น Sales ต้องออกไปพบลูกค้า ถึงจะได้ใช้โน๊ตบุ๊ค
กลับมาเรื่อง LINE กันก่อน เราเกริ่นไปแล้วว่า LINE คือช่องทางสื่อสาร แต่มันใช้งานได้บนมือถือ และบนคอม เราทำงานบนคอม การคุยไลน์ ก็เลยคุยได้บนคอมและมือถือ ทำให้ตอนพักเที่ยง ยังมีไลน์คุยงานต่อเนื่องจากบนคอมได้ แต่สิ่งที่ผมได้ประโยชน์จากการคุยงานผ่านไลน์ เอาสมัยทำงานที่ออฟฟิศ ยังไม่ใช่ยุค Work From Home ก็คือ หัวหน้าประชุม แล้วมีงานด่วน ก็ไลน์บอกลูกน้องในทีม ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานให้ทำงานต่อได้เลย พอออกจากห้องประชุมก็ค่อยมาบรีฟเต็มๆ อีกรอบ ทำให้เราได้เตรียมตัว เตรียมข้อมูลก่อน หรือสงสัยอะไรก็สอบถามในไลน์ ได้ข้อมูลจากที่ประชุมเลย ทำให้สะดวก แต่ถ้าจะบอกว่า ไม่ควรทำงานผ่านไลน์ก็คือ เราควรทำงานผ่านอีเมล แล้วติดตามงาน พูดคุยกันผ่านไลน์ เพราะการส่งอีเมลโต้ตอบกัน reply all มันสร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้คนอื่นๆ ที่เห็นเมลยาวเยอะมาก (ผมโดนตำหนิมาแล้ว คือ ส่ง reply all กลับไปกลับมาเยอะมากๆ โต้ตอบกันยาวมาก พยายามใช้อีเมลทำงานเป็นหลัก แต่มันก็ไม่ Work ในบางสถานการณ์) ดังนั้น การโทรคุย หรือไลน์ น่าจะได้ผลกว่า
ถามว่า แอป Chat อื่นๆ ใช้แทน LINE ได้ไหม เอาจริงๆ มันใช้ได้หมดแหล่ะครับ ผมก็มี WhatsApp แต่ผมไม่มีคน add เลย ไม่มีเพื่อนเลย ไม่มีใครคุยด้วยเลย (เศร้าไหม) ถ้าเพื่อนเราไม่ได้อยู่ในแอปไหน เราก็คุยไม่ได้ถูกไหมครับ ถ้าแผนกมี 10 คน 9 คนมีไลน์ จะให้คนเดียว บอกทุกคนให้โหลดแอป สมัคร Telegram อันนี้ก็คงเชิญชวนได้แค่บางคน แต่ด้วยความเคยชินก็ยังใช้ไลน์อยู่ ผมเคยโหลด Telegram ชวนเพื่อนมาใช้ ก็ได้ไม่กี่คน สุดท้ายทุกคนก็ไปคุยในไลน์กันหมดเลย
ใช้งานได้ทุกช่วงอายุ
อันนี้ผมมองข้อดี ผมอายุเลข 4 ต้นๆ สมัยผมเข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็สงสัยว่าทำไมต้องทำงานผ่านไลน์ ข้อดีที่ผมเจอคือ ติดต่อได้สะดวก ไว (ถ้าด่วนก็โทรแบบไลน์ หรือโทรแบบ Call 3G 4G ปกติ) คือคนทำงานทุกช่วงอายุ ใช้ LINE เป็นครับ คุณจะคุยงานกับคนอายุ 20 30 40 50 60 คุยผ่านไลน์ได้ อันนี้บางคนไม่ได้ใช้สมาร์ทโฟนเครื่องรุ่นท็อป ใช้รุ่น 3-4 พันบาท ก็ยังคุย LINE ได้ ส่วนการให้เขาใช้ Telegram อันนี้อาจจะต้องให้ไอทีช่วยดูแลแล้ว หรือไม่ก็ต้องหามือถือให้เขาใช้ เนื่องจาก มือถือรุ่นเริ่มต้น จะมีหน่วยความจำไม่เยอะครับ ทำให้ ติดต่อ LINE ส่วนตัวก็กินพื้นที่เยอะแล้ว (จริงๆ เป็นข้อเสียของ LINE แหล่ะครับ) แต่ครั้นจะให้ลง Telegram ก็อาจจะไม่มีพื้นที่ให้ติดตั้งแอป อันนี้เป็นการยกตัวอย่างนะครับ ความเป็นจริง มันก็ลงได้แหล่ะ แต่เรียกได้ว่า LINE คือ universal บางคนไม่มี Facebook Twitter Instagram แต่ในเครื่องมี LINE ดู YouTube เล่นเกม ก็มีครับ
ข้อเสียของ LINE
อย่างที่ทุกคนทราบกันว่า ข้อความแช็ตหาย ไฟล์หมดอายุ เปลี่ยนมือถือ ไลน์หาย กรุ๊ปหาย แต่เราใช้มานานจนรู้วิธี การย้ายไลน์แบบไม่ให้กลุ่มหาย แต่การย้ายข้าม OS ระหว่าง iOS กับ Android แน่นอนว่าแช็ตหายครับ เพราะมัน backup คนละที่กัน เอาจริงๆ ผมใช้ไลน์ในการพูดคุย แสดงความเห็น ใช้ตรวจชิ้นงาน Artwork ต่างๆ อันไหนสำคัญใส่ Note ไว้ หลายปีก็ย้อนกลับไปดูได้ไม่มีปัญหาเลย
เราใช้ LINE Keep เก็บสิ่งสำคัญ ใช้ Note เก็บเรื่องสำคัญให้หาง่ายๆ ใช้การออนไลน์ LINE บนคอมที่เก็บแช็ตต่างๆ ได้ยาวๆ จะบอกว่า LINE Keep ผมเก็บข้อมูลไว้ตั้งแต่ปี 2015 ยังย้อนไปดูได้ครับ แต่ยอมรับว่า LINE ผมก็เคยพังไป คือย้ายเครื่อง แล้วกลุ่มหาย ก็ให้เพื่อนช่วยแอดกลับมาใหม่ (ก็เจ็บมาเยอะแหล่ะ) ดังนั้นเรื่องแช็ตหาย เราทำใจไปหลายปีแล้วครับ แต่ก็สามารถเซฟในคอมเอาไว้ได้ แต่ทั้งนี้ ข้อมูลแช็ตไลน์หาย ไม่มีผลกับการทำงานเรา เพราะเรามักจะใช้อีเมลเป็นหลักฐานครับ ดังนั้น ทำงานผ่านอะไรก็ได้ ขอให้อีเมลเป็นหลักฐาน cc กันก็พอ
สำหรับ เรื่อง ไฟล์หมดอายุ ของ LINE นั้น ผมใช้วิธี กดค้างที่ไฟล์นั้น แล้วเลือก Keep หรือไม่ก็ดาวน์โหลดมาเก็บไว้บนคอมครับ อย่าให้เกินสัปดาห์ เพราะไฟล์มีอายุ 7 วันครับ เช่น ส่ง 5 ทุ่มวันจันทร์นี้ หมดอายุ 5 ทุ่มวันจันทร์หน้า ดังนั้นถ้าไม่ว่างเปิดไฟล์ พยายามหาเวลามากดเซฟไว้ในเครื่องก่อนครับ การปล่อยให้ไฟล์หมดอายุแล้วไปขอให้เขาส่งใหม่ให้ อันนี้ไม่ควรถ้าไม่สนิทกันจริงๆ
ถ้าถามว่า ใช้ LINE ทำงานดีไหม ก็ต้องถามต่อว่า ใช้ทำอะไรบ้าง ถ้าใช้แทนอีเมลเลย ก็คงไม่เหมาะ แล้วแต่งานอีก แต่ถ้าตรวจงาน ส่งแล้วแก้ แก้แล้วส่งกลับ อันนี้เราทำแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร อันไหน Final ก็ใส่ใน Note ไว้ครับ ไม่หาย แม้จะเปลี่ยนเครื่องก็ตาม
สิ่งที่ทำให้เราเคยชิน แต่ทำให้กลายเป็นข้อด้อยของ LINE (จริงๆ LINE ไม่ได้ผิด) ก็คือ การสั่งงานผ่านไลน์ตอนนอกเวลางาน เช้ามาก และดึกมาก สำหรับตัวผมเอง โดยส่วนตัวยอมรับได้ และครอบครัวเข้าใจ แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่สิ่งที่อยากแนะนำคือ “ด่วนให้โทร” เพราะแม้จะมีงานด่วน ก็ต้องทำ แต่ถ้าด่วนแล้วไม่อ่านไลน์ อันนี้อาจจะต้องพิจารณาเงื่อนไข ว่าคุยกันไว้ว่ายังไง เหมือนที่คุยกันไว้หรือเปล่า อันนี้ไม่ใช่เรื่องที่หาทางออกไม่ได้ครับ ยังไง “ด่วนให้โทร” ก็ยังสำคัญสำหรับความเร่งรีบของงาน และเชื่อว่า เรายอมรับกันได้ หากมีการพูดคุยกันไว้ และพูดจาดีๆ กันครับ
พอมาถึงยุค Work From Home การใช้ LINE ทำงาน กลับทำให้การทำงาน “ไร้รอยต่อ แบบไม่มีช่องว่าง” คือพูดคุยกันได้เหมือนเจอหน้ากัน ไม่มีอุปสรรคในการทำงานเลย แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือ ประชุมออนไลน์ เพราะสุดท้ายแล้ว แม้จะทำงานผ่าน LINE แต่หลายครั้งเราก็มีการประชุมกัน ไม่ว่าจะโทรหา หรือโทรไลน์หา หรือประชุมออนไลน์ ซึ่งก่อน Work From Home สุดท้ายการทำงานก็นั่งคุยกันในห้องประชุมอยู่ดี เพียงแต่ใช้ LINE สื่อสารกัน ตอนที่แต่ละคนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานนั่นเอง แต่หากมีอะไรจะปรึกษา ก็มักจะเดินไปคุยกันแบบ Face-to-Face กันอยู่แล้วครับ
ดังนั้น บทสรุปของผม บอกไม่ได้ว่าการทำงานผ่าน LINE จะดีหรือไม่ดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้งานในลักษณะไหน เพราะทุกวันนี้ บางงานผมก็ส่งทั้งไลน์และ e-mail หรือส่ง mail แล้วไลน์บอกว่าส่งเมลไปตอนกี่โมง และที่จำเป็นมากๆ คือ ด่วนก็โทร ครับ ในการทำงาน เราอย่าไปพึ่งพา LINE มาก (หรือแอปอื่นก็ด้วย) การโทรคุยแล้วบอกว่า ส่งรูปให้ในไลน์แล้ว พอทำธุระจบก็จบ คือหน้าที่ผู้ใช้ อะไรสำคัญก็เซฟภาพลงเครื่อง หรือแคปจอ หรือเก็บลง Keep และที่สำคัญ การทำงานผ่าน LINE อย่า capture หน้าจอคนอื่นมาเป็นหลักฐานฟ้องกัน แต่ให้เน้นใช้เมลเป็นหลัก ส่วนการทำงาน blogger ผมก็ทำงานผ่าน LINE ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่พวกบรีฟต่างๆ จะให้ส่งผ่านเมลครับ แต่บางงานส่งผ่านไลน์ทั้งงานก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เรียกว่า แล้วแต่งาน มากกว่าครับ แต่สำหรับการคุยกับเพื่อนๆ blogger ผมใช้ Facebook Messenger เป็นหลักครับ แต่ไม่ได้ใช้กับเพื่อนร่วมงาน จะติดต่อผ่านไลน์กัน
ล่าสุด ถ้าใช้ LINE ทำงาน มี Business version ของ LINE ครับ คือ LINE WORKS คล้าย LINE ปกติ แต่ใช้ทำงานเป็นหลัก มีฟีเจอร์ group มี Note, Event, Task และ Folder เซฟไฟล์ไว้ได้ไม่มีหายครับ ทำให้เราใช้ LINE ส่วนตัว กับ LINE WORKS ทำงานกันได้ แต่ถ้าใครใช้มานานๆ แบบผม แยกกันยากแล้วล่ะครับ นอกเสียจากว่า สมัครไลน์ใหม่สำหรับส่วนตัว แล้วย้ายไลน์คุยงานไปไว้ใน LINE WORKS ไปเลย
สำหรับผม ไม่ได้รู้สึกว่า LINE ไม่ดี หรือไม่น่าเอามาใช้ทำงาน แต่การแบ่งเวลาการทำงาน ขึ้นอยู่กับตัวเรา ส่วน LINE เป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้นครับ อะไรใช้แล้วเหมาะสมก็นำมาใช้ แต่ถ้าเป็นข้อตกลงในแผนก หรือองค์กร ก็ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมองค์กรนั้นๆ ว่าใช้งานแอปไหน เรียนรู้ที่จะใช้งานให้เหมาะสมครับ