พรีวิว มือถือ 5G เล่นเกม Infinix ZERO 5G 2023 อัปเกรดใหม่ ชิบใหม่ น่าใช้กว่าเดิม คุ้มกว่าเดิม
มือถือ 5G งบไม่เกินหมื่น มีให้ช้อปกันกับแบรนด์ Infinix อย่างที่เราทราบกันว่า มือถือ 5G ราคาต่ำที่สุดอยู่ที่ 8 – 9 พันบาท สำหรับมือถือตัวแรง Infinix ZERO 5G 2023 ใช้ชิป MediaTek Dimensity 1080 6nm พร้อม ROM จุใจ 256GB คุ้มค่าในเรทราคา 9,000 บาท เริ่มขาย 7 ธันวาคมนี้ วันนี้เราก็เลยเอาพรีวิวมาให้ดูกันก่อน
Infinix ZERO 5G 2023 มาพร้อมสโลแกน “Power Upgrade – Upgrade ขุมพลัง 5G” ชูจุดขาย สมาร์ตโฟน 5G ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 6nm RAM 8+5GB และพื้นที่หน่วยความจำตัวเครื่องแบบจุใจ 256GB ซึ่งปกติจะได้แค่ 128GB ซึ่งถือว่าเมมในเครื่องเยอะที่สุดในเรทราคาระดับนี้ เพราะแบรนด์อื่นได้ 8GB + 128GB ได้หน้าจอขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว FHD+ และรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้คุณได้มือถือ 5G ในเรทราคา 9,000 บาท เหมาะกับการใช้ทำงาน หาข้อมูล ติดต่อสื่อสาร เล่นเกมและความบันเทิงเต็มรูปแบบ
รุ่นนี้เป็นรุ่นอัปเกรดจาก ZERO 5G ที่เคยเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยรุ่นเดิมใช้ MediaTek Dimensity 900 รอบนี้ชิปเซ็ตแรงกว่าเดิมด้วย MediaTek D1080 6nm
รู้จักชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1080 6nm 5G
มีการอัปเกรดประสิทธิภาพโดยรวม 10% และ อัปเกรด CPU 8% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน โปรเซสเซอร์ Arm Cortex-A78 สองตัวที่โอเวอร์คล็อกได้สูงสุด 2.6GHz เรียกได้ว่ารีดประสิทธิภาพได้เต็มๆ เลย เอ็นจิ้นกราฟิก Arm Mali-G68 ได้รับการปรับให้เหมาะสมสำหรับการประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้ดียิ่งขึ้น
ชิปตัวใหม่นี้ รองรับซิม 5G คู่ (SA) พร้อมรองรับบริการโทร VoNR จับคู่กับโหมด Clever 5G ทำให้ใช้พลังงานต่ำโดยอัตโนมัติ โดยโหมด Clever 5G เครือข่าย 5G จะรวมการเชื่อมโยงกับเครือข่าย 4G, Wi-Fi 2.4GHz และ 5GHz เพื่อเพิ่มแบนด์วิธเครือข่ายและความเร็วเครือข่าย แอบบอกว่าตามสเปคได้ Wi-Fi 6 ด้วย
อุปกรณ์ในกล่อง
ในกล่องมา ตัวเครื่อง เคสใสแบบซิลิโคน เข็มจิ้มถาดซิม อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ และสายชาร์จ บัตรรับประกันและคู่มือการใช้งาน
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 33W Fast Charge มาพร้อมอะแดปเตอร์และสายชาร์จแบบ USB-A to USB-C
อะแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องรองรับชาร์จไว 33W หัวแบบ USB-A
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ตัวเครื่องแบบ Uni-Curve Design ทำออกมาได้สวย มาพร้อมเคสใสทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องเป็นรอย จับถนัดมือ
ด้านหลังตัวเครื่อง มีกล้องหลัง 50MP + 2MP (Depth) + 2MP (Macro) พร้อมไฟแฟลช
สแกนลายนิ้วมือด้านข้างของตัวเครื่อง + สแกนใบหน้า
ถาดซิมแบบ Triple Slot ใส่ได้ 2 Nano SIM + 1 MicroSD
ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. และพอร์ตชาร์จ USB-C และลำโพง แต่ในกล่องไม่มีหูฟังแถมให้นะ
ให้ ROM เยอะที่สุดในมือถือระดับราคานี้
ให้ ROM มากถึง 256GB และ RAM 8GB + 5GB ด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ดึง ROM ส่วนนึงมาใช้เป็น RAM โดยเข้าไปที่ “Storage”-“MemFusion” ขยายด้วย MemFusion เปิด Extended RAM สูงสุด 5GB
ข้อดีคือ โหลดเกมได้เร็วยิ่งขึ้น เริ่มเล่นเกมได้ทันที สลับแอปได้ไว ไม่หน่วง ไม่ค้าง ลด อัตรา Lagging ได้ถึง 61% และสามารถเพิ่ม App Running In Background ได้ 9 ถึง 20 แอป
เปิดราคาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ วันที่ 6 ธันวาคม 2565 เวลา 15.00 น. ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก Infinix Mobile Thailand
ขายแบบ Online Exclusive ที่ร้าน Infinix Official Store บน LAZADA ในวันที่ 7 – 15 ธันวาคม 2565 ด้วยราคาสุดคุ้มไม่เกิน 9,000 บาท พร้อมคูปองส่วนลดอีก 200 บาท
ช้อปผ่าน Lazazda ได้ที่ https://cutt.ly/B1GligX เก็บคูปองลด 200 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.infinixmobility.com/th